วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

                                              นิทานเรื่อง.... เจ้าชายกบ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาพระองค์หนึ่งทรงปกครอง บ้านเมืองของพระองค์ ด้วยทศพิธราชธรรม นำความเจริญ ความสงบ สุขมาสู่ประชาชนของพระองค์โดยถ้วนหน้า พระองค์ทรงมีพระธิดา อยู่พระองค์หนึ่ง ซึ่งว่ากันว่าทรงมีความงามอันล้ำเลิศ ผู้ใดได้พบเห็น ต่างก็จะตะลึงกับพระพักตร์รูปไข่ หวานละมุน พระขนงเรียวสวย ดวง พระเนตรยาวรีดังกวางป่า พระนาสิกเชิดรั้น พระโอษฐ์ สีระเรื่อเรือนร่าง โปร่งระหงและด้วยการที่ทรงมีความสวยงามล้ำเลิศ อย่างนี้นี่เอง พระ ธิดาจึงทรงเป็นที่หมายปองของเหล่า บรรดาเจ้าชายและพระราชาตามหัวเมือง และแว่นแคว้นน้อยใหญ่ที่ได้ยินและได้ฟังคำล่ำลือ ดังนั้นในทุก ๆ วันจึง ได้มีเจ้าชายและพระราชาเสด็จเข้ามาเสนอตัวขอ พระธิดาอภิเสกสมรสไม่เว้น ในแต่ละวัน แต่พระธิดาคนงามผู้นี้ก็ไม่เคยเลยที่จะถูกตาต้องใจ หรือพอพระทัย ในพระราชาองค์ใดเป็นพิเศษเลยสักพระองค์เดียว ดังนั้นพระราชา ผู้เป็นพระบิดา จึงให้เป็นต้องหนักพระทัย กับการเลือกคู่ครองของพระธิดาองค์น้อยคนงามองค์ นี้ของ พระองค์เป็นอย่างมาก 
   แล้ววันเวลาก็ผ่านไป...อยู่มาในวันหนึ่ง...พระธิดาทรงได้รับจดหมายอันน่าฉงน ที่ชวนให้พระองค์พอพระทัยเป็นอย่างมาก ลงนามว่าส่งมาจากเจ้าชายที่อยู่ ต่างเมืองอันไกลโพ้น พร้อมกับกล่องของกำนัล ซึ่งในกล่องนั้น ได้มีลูกบอล ทองคำที่สวยงามมากอยู่ลูกหนึ่ง ในจดหมายมีเนื้อความที่จารึกไว้ทำนองฝากรัก กับพระธิดาว่า
" ข้าแต่พระธิดาผู้เป็นดวงใจของหม่อมฉัน เมื่อถึงเวลาบรรทม ของพระองค์แล้ว จงกอดลูกบอลทองคำ ลูกนี้เอาไว้ แล้วพระองค์จะได้เห็น หม่อมฉันในนิมิตฝันของพระองค์ เพื่อบอกขอ พระองค์อภิเสกสมรส...." จดหมายฉบับนั้นได้ลงนามในตอนท้ายว่า  จากเจ้าชายที่อยู่ในแดนไกล... เมื่ออ่านจดหมายจบลง พระธิดาก็มองเพ่งพินิจพิจารณาลูกบอลทองคำ ลูกนั้นอย่างไม่วางตาด้วยความพอใจเป็นเวลานานเลยทีเดียว 
และในคืนวันนั้นเมื่อพระธิดาผู้เลอโฉมทรงบรรทม และกอดลูกบอล ทองคำลูกนั้นเอาไว้ แล้วหลับไหลลงไปเหมือนในทุก ๆคืนที่ผ่านมา... แต่ในค่ำคืนนี้พระองค์ได้นิมิตฝันว่าได้มีเจ้าชายผู้สง่า งามจนหาที่ติมิได้ เลยพระองค์หนึ่ง ออกมาปรากฏกายที่ตรงหน้า...แล้วบอกขอให้พระองค์ ยอมตกลงใจเลือกเจ้าชายให้เป็นคู่อภิเสกสมรส...ในนิมิตรนั้นพระธิดา ทรงยินดีและบอกตอบรับรักของเจ้าชายองค์นั้นอย่าง
 "ทำไมถึงได้เป็นเจ้าชายที่ทรงมีความงดงาม และมีสเน่ห์ถูกใจฉัน ไปหมดอย่างนี้นะ " พระธิดาน้อยผู้ ที่ไม่เคยเลยที่จะทรงพอพระทัย หรือนึกรักใคร่ในชายใดมาก่อนเลยผู้นี้... บัดนี้และตอนนี้พระองค์ กำลังตกอยู่ในความรัก และก็กับเจ้าชายในความฝันผู้นั้นเข้าให้เสียแล้วสิ... และหลังจากคืนนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปวันแล้ววันเล่า ในทุก ๆ ค่ำ คืน พระธิดาจะทรงเฝ้ารอคอยว่า ทำไมมันถึงช้านัก และเมื่อไหร่ที่จะถึงเวลา บรรทมของพระองค์เสียที.... และแล้วในคืนวันหนึ่งเจ้าชายในความฝัน ผู้นั้นได้บอกเหมือนเป็นเชิงขอร้องกับพระธิดาเธอ.... 
" พระธิดาสุดที่รักของหม่อมฉัน พรุ่งนี้ในตอนเช้า พระองค์จงนำ ลูกบอลทองคำลูกนี้ลงไปที่อุทยาน แล้วให้โยนมันเล่นไปรอบ ๆ สระน้ำอย่าได้หยุด " ดังนั้นเมื่อพระธิดาทรงตื่นจากบรรทมแล้ว พระองค์ก็ลงไปที่อุทยาน โดยถือลูกบอลทองคำไว้ในมือ แล้วเริ่มต้น โยนมันไปรอบ ๆ สระตามที่เจ้าชายได้ขอร้องไว้...แต่ขณะ ที่พระองค์ยังเดินวนไปไม่ทันจะครบรอบ พระธิดาเกิดเปลี่ยนใจหันมา โยนมันขึ้นไปบนอากาศ แล้วก็คอยรับเมื่อมันตกลงมา ต่อมาสักครู่ เมื่อโยนลูกบอลทองคำขึ้นไปอีกครั้ง ขณะที่พระองค์กำลังจะยื่นพระหัตถ์ ออกไปรับ.... ในฉับพลันทันใดนั้นเอง....ก็ได้มีค้างคาวสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่ง บินร่อนถลาโฉบลงมา ที่เหนือพระเกศา แล้วมันก็กระพือปีกกางตบ ให้ลูกบอลทองคำกระดอนตกลงมาสู่เบื้องล่าง แล้วพลัดตกลงไปสู่สระน้ำ ในอุทยาน ค้างคาวผีเมื่อตบลูกบอลทองคำหล่นลงไปแล้ว มันก็พูดว่า
" โอ...ลูกบอลทองคำสุดที่รักของฉัน ขอเพียงฉันได้เธอคืนมา เท่านั้น แล้วฉันจะยินดีที่จะแลกมันด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์,อัญมณีเครื่องประดับ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมีอยู่ " และในขณะนั้น ก็มีกบตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้น มาเหนือน้ำ มันก็ได้เอ่ยถามพระธิดาเธอว่า
" เกิดอะไรขึ้นกับพระองค์หรือพระเจ้าข้า ? " พระธิดามองหาต้นเสียง และเมื่อเห็นว่าเป็นกบเท่านั้น แต่ก็ทรง ตอบว่า " ลูกบอลทองคำของเราน่ะสิ หล่นหายไปในสระน้ำนี่ " พลางชี้มือไปที่สระ น้ำข้างหน้า
 เจ้ากบเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มหวานที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ แล้วพูดเหมือน ปลอบใจว่า
" อย่ากังวลเลยพระเจ้าข้า หม่อมฉันจะนำลูกบอลทองคำลูก นั้นกลับคืนมาให้องค์หญิงเอง แต่ตรงนี้ก็มีข้อแม้อยู่ที่ว่า องค์หญิงจะต้อง รับหม่อมฉันเป็นคนรัก และต้องสัญญาว่าจะยอมให้หม่อมฉันได้ร่วมชีวิต กับพระองค์ ได้กินอาหารจากจานทองคำเล็ก ๆ ร่วมกัน และจะต้องนอนบนเตียง ร่วมกันกับพระองค์ แล้วหม่อมฉันก็จะยินดีที่จะลงไปงมเอาลูกบอลทองคำ ขึ้นมาให้... "องค์หญิงนิ่งฟังกบพูดอย่างนึกมั่นใส่ "ช่างเป็นกบที่คิดเหลวไหลเสียจริง " พระธิดาทรงครุ่นคิดอยู่ในใจ " แต่เขาเป็นกบนี่คงไม่สามารถที่จะออกไปจากสระน้ำนี่ ได้หรอก แต่ถึงกระนั้น เขาก็อาจที่จะช่วยเอาลูกบอลทองคำสุดที่รักของฉันขึ้นมา
" หม่อมฉันเป็นคนรักของพระองค์นี่นะ ถ้าอย่างนั้นพระองค์จะต้องจูบหม่อมฉันเสียก่อนที่จะบรรทมสิถึงจะถูก ไม่งั้นหม่อมฉันจะไปฟ้องพระบิดา สิ.. จูบฉันหน่อยนะที่รัก.." ถึงตอนนี้ เมื่อพระธิดาได้ฟังดังนั้นก็สุดที่จะทนทานต่อไปได้อีกแล้ว พระองค์ทรง ตวาดมันด้วย เสียงอันดังว่า


" ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้สัญญาขนาดว่าจะต้อง จูบเจ้าอีกด้วยนะ ! " และด้วยทรงพิโรธเป็นอย่างมาก กับการที่ต้องทำอะไร ฝืนพระทัยตัวเองมาตลอด พระธิดาจึงหยิบเจ้ากบขึ้นมา แล้วจ้องตามันเขม็ง ก่อนที่จะตรัส ด้วยเสียงดุ ๆ แบบโมโหว่า " ก็เชิญเจ้าไปฟ้องเลยสิ แล้วก็ ไปบอกเสด็จพ่อด้วยว่า เราน่ะทั้งรังเกียจทั้ง ขยะแขยงเจ้าจะแย่อยู่แล้ว...ได้ ยินไหม เจ้ากบบ้า ! ฮึ ! ..." พูดจบพระองค์ก็ทรงเขวี้ยงมันจนสุดแรงไปที่พื้น... แล้วจะเหลืออะไรเล่าทีนี้... ร่างของเจ้ากบเป็นอันต้องลอยละลิ่วปลิวไปกระแทก กับพื้นห้องอย่างเต็มแรง ผลเลยต้องลงไปหงายทองนอนแผ่สองสลึง สลบแน่นิ่ง อยู่ตรงนั้นในทันทีทันใด.....
และในวันรุ่งขึ้น เมื่อพระราชาทรงทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็ทรงอนุญาต ให้ทั้งสองพระองค์อภิเสกสมรสกัน แล้ว ทั้งสองพระองค์ก็เดินทางไป ยังเมืองของเจ้าชายครองรักครองเรือนกันอย่างมีความสุข ...



คติสอนใจที่เหมาะกับนิทานเรื่องนี้...

ก็มีอยู่ที่ว่า...

คนเราควรคิดก่อนพูดและสัญญา เพราะหลังจากนั้นแล้ว เราจะตกเป็นทาสของมัน เพราะ ถ้าเราไม่ทำตามคำพูดและสัญญานั้นแล้ว เราก็จะกลายเป็นคนที่ตระบัดสัตย์อย่างไรทำนองนั้น....





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น